Book,Page,LineNumber,Text 09,0035,001,วิภัตติใด วิภัตตินั้นก็เป็นชื่อของพหุพพิหินั้น เช่น ย ศัพท์ประกอบ 09,0035,002,"ด้วยทุติยาวิภัตติ ก็เรียกว่าทุติยาพหุพพิหิ, ย ศัพท์ประกอบด้วยตติยา-" 09,0035,003,"วิภัตติ ก็เรียกว่าตติยาพหุพพิหิ, ย ศัพท์ประกอบด้วยจตุตถีวิภัตติ ก็" 09,0035,004,"เรียกว่าจตุตถีพหุพพิหิ, ฯลฯ ย ศัพท์ประกอบด้วยสัตตมีวิภัตติ ก็เรียก" 09,0035,005,ว่าสัตตมีพหุพพิหิ. 09,0035,006,อนึ่ง ย ศัพท์ เป็นวิเสสนสัพพนามอาจแจกได้ทั้ง ๓ ลิงค์ เหมือน 09,0035,007,กันกับ ต ศัพท์ เพราะฉะนั้น จึงควรกำหนดไว้ให้แม่นยำว่า ย ศัพท์ 09,0035,008,กับ ต ศัพท์นั้นใช้โยคนามนามตัวเดียวกัน คือ ถ้า ย ศัพท์โยคนามนาม 09,0035,009,บทใด ต ศัพท์ก็โยคนามนามบทนั้น จะต่างกันก็วิภัตติเท่านั้น เพราะ 09,0035,010,ย ศัพท์ประกอบด้วยวิภัตติอื่นนอกจากปฐมาวิภัตติ มีทุติยาวิภัตติเป็น- 09,0035,011,ต้นจนถึงสัตตมีวิภัตติ ส่วน ต ศัพท์ คงประกอบด้วยปฐมาวิภัตติเสมอ 09,0035,012,ไป ส่วนวจนะและลิงค์ต้องให้เสมอกันทั้ง ย และ ต แต่ในแบบบาลี 09,0035,013,ไวยากรณ์ตอนนี้ ทั้ง ย ทั้ง ต ประกอบด้วยปฐมาวิภัตติ 09,0035,014,๒. ในประโยค ต ก็มีแต่ ต ศัพท์ประกอบด้วยปฐมาวิภัตติ 09,0035,015,(คือโส) และบทปลง ซึ่งเป็นบทสมาสเท่านั้น เพราะฉะนั้น ประโยค ต 09,0035,016,จึงมีเฉพาะแต่ ต ศัพท์ที่ประกอบด้วยปฐมาวิภัตติ และบทปลง รวม 09,0035,017,๒ บทเท่านั้น. 09,0035,018,อนึ่ง บทปลงที่เป็นพหุพพิหิสมาสนี้เป็นสมาสคุณ ฉะนั้นจึงต้อง 09,0035,019,หานามนามบทอื่นมาเป็นประธาน บทนามนามที่นำมาใช้เป็นประธาน 09,0035,020,นี้ ก็สำคัญเหมือนกัน เพราะเป็นหลักที่จะให้ใช้บทปลงแสดงลักษณะ 09,0035,021,ได้ถูกต้อง ดังนั้น เมื่อพบ ต ศัพท์หรือบทปลง เป็นลิงค์ วจนะ